วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

1. Present Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน 
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + V1 
          ตัวอย่างประโยค: 
              I study at Harvard University.  ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
              The Sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
              He calls me honey. เขาเรียกฉันว่าที่รัก

 2. Past Simple Tense ใช้เพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต และตอนนี้ทุกอย่างก็ได้จบลงแล้ว
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + V2  
          ตัวอย่างประโยค: 
              I lived in Germany. ฉันเคยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
              Daddy called me last night.  พ่อโทรมาหาฉันเมื่อคืน

 3. Future Simple Tense ใช้เพื่อบอกความตั้งใจ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will, shall + V1 
          ตัวอย่างประโยค:    
              I will go to Japan next month. ฉันจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า
              I will send you my photo tonight. ฉันจะส่งรูปฉันให้ดูคืนนี้

 4. Present Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะที่พูด และใช้บอกการกระทำที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ (ปีนี้, เดือนนี้) หรือบอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ก็ได้
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + is, am, are + V ing
          ตัวอย่างประโยค:    
              I am going to school. ฉันกำลังจะไปโรงเรียน
              He is walking on the street. เขากำลังเดินอยู่บนถนน
              Cherry is preparing for final exam. เชอร์รี่กำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค

 5. Past Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต หรือบอกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่ ก่อนที่อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + was, were + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
              I was working all day yesterday. ฉันยุ่งทั้งวันเลยเมื่อวานนี้
              When I opened the door, my father was watching TV. ตอนผมเปิดประตูเข้าบ้าน พ่อผมกำลังดูทีวีอยู่

 6. Future Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และใช้กับเหตุการณ์หนึ่งในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่อีกหนึ่งเหตุการณ์จะเกิดตามมา
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will be + V ing
          ตัวอย่างประโยค: 
              I will be studying in tomorrow morning. พรุ่งนี้ตอนเช้า ผมคงจะกำลังเรียนอยู่
              I will be working when you finish your work. ผมคงจะกำลังทำงานอยู่ เมื่อคุณเลิกงานแล้ว

 7. Present Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะใช้ since, for ร่วมด้วยเสมอ หรือบอกเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งจะจบลงหมาด ๆ
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + have,has +V3 
          ตัวอย่างประโยค:    
              I have worked in Japan since 2010.  ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
              Nancy has stayed with me for 10 months.  แนนซี่อยู่กับฉันมา 10 เดือนแล้ว
              I have already finished my homework.  ผมเพิ่งทำการบ้านเสร็จ

 8. Past Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แน่ชัด หรือใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยจะใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนเสมอ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + had +V3 
          ตัวอย่างประโยค: 
              Two students had gone before the teacher came to the room.  นักเรียนสองคนออกไปจากห้องแล้ว ก่อนที่ครูจะเข้ามา
              Before I met her, I had met Sandy. ก่อนที่ฉันจะเจอเธอ ฉันเจอแซนดี้

 9. Future Perfect Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต หรือใช้กับเหตุการณ์หนึ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will + have + V3 
          ตัวอย่างประโยค:    
              Apple will have launched its new iPhone by 2012. แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ภายในปี 2012
              My father will have gone when I get up.  เมื่อฉันตื่น พ่อฉันก็คงไปแล้ว

 10. Present Perfect Continuous Tense  ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Present Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องและเน้นว่าจะทำต่อไปเท่านั้นเอง
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + have/has been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
              I have been working in Japan since 2010. ฉันทำงานที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2010
              Nick have been living in London for 2 months. นิคอาศัยอยู่ในลอนดอนมาได้ 2 เดือนแล้ว

 11. Past Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เรียกว่ามีหลักการใช้เหมือนกับ Past Perfect Tense เพียงแต่เน้นถึงความต่อเนื่องชัดเจนขึ้น
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + had been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค: 
              I had been painting the wall before the dog scratched it.  ฉันทาสีกำแพงก่อนที่เจ้าหมาจะมาขีดข่วนมัน
              My father had been smoking for 5 years before I was born. พ่อฉันสูบบุหรี่จัดเป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่ฉันจะเกิด

 12. Future Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต และก็จะดำเนินต่อไปอีกหลังจากนั้น หรือใช้เหมือนกับ Future Perfect Tense แต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำหนึ่งในอนาคต
          โครงสร้างไวยากรณ์: S + will/shall + have been + V ing 
          ตัวอย่างประโยค:  
              By the next year, I will have been working for 10 years. ผมจะทำงานครบ 10 ปีในปีหน้านี้
              In ten minutes I will have been waiting 1 hour for the bus.  อีก 10 นาที ผมจะรอรถเมล์ครบ 1 ชั่วโมงพอดี

ที่มา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น